Ematrix รีวิว โดยลูกค้า Proderma
ematrix รีวิว นี้ คนไข้จ่ายเงิน ทำเองนะคะ
สวัสดีค่ะ ทุกคน ขอแนะนำตัวก่อนว่า เรา เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังจะแต่งงานค่ะ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เราต้องดูแลความสวยความงามอย่างจริงจังค่ะ(แท้จริงนั้นทุกคนควรดูแลตัวเองอย่างดีและสม่ำเสมอนะคะ ไม่ต้องรอโอกาสพิเศษใดๆ ค่ะ)
เนื่องจากเป็นคนผิวแพ้ง่ายเคยเป็นสิวฮอร์โมนหนักมากจึงไปหาหมอผิวหนังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งและหมอทำการกดสิวแบบบ้าคลั่ง หลังจากนั้นเราก็กลับมารักษาผิวหน้าด้วยตัวเองหลายปีจนแทบจะไม่เป็นสิวเลยค่ะ แต่ปัญหาที่มีมานานแสนนานคือหลุมสิวและรุขุมขนกว้าง แม้ว่าจะเคยหาข้อมูลการรักษาหลุมสิวมามากมาย แต่วิธีที่เรากล้าทำคือทานอาหารเสริมและใช้ผลิตภัณฑ์เวชสำอางค์บางยี่ห้อเพื่อรักษารอยแผลเป็นหลุมสิว เวลาผ่านไปหลายปียาหมดไปหลายขนานแต่หลุมสิวก็ยังชัดเจนเหมือนเดิม
เราเริ่มหาข้อมูลการรักษาหลุมสิวในอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเองค่ะ อาจจะมีเพื่อนๆ หลายคนแนะนำว่าให้ไปทำเลเซอร์ที่โน่นที่นี่ก็ตาม แต่เราพบว่าไม่มีวิธีการรักษาหลุมสิวที่เกิดขึ้นมากว่า10 ปี ให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียน 100% เราจึงเลือกวิธีการรักษาที่ปลอดภัยและได้ผลมากที่สุด โดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของแพทย์ผิวหนังประจำสถานพยาบาล ข้อดีข้อเสียหรือผลกระทบหลังเข้ารับการรักษา การเดินทางและค่าใช้จ่ายในการรักษาค่ะ ในที่สุดเราก็ตัดสินใจไปรักษาหลุมสิวที่ Pro Derma Aesthetic Clinics ค่ะ
- ความน่าเชื่อถือของแพทย์ผิวหนังประจำสถานพยาบาลข้อมูลด้านล่างก็เว็บไซต์ค่ะhttps://prodermaclinics.com/
-
ข้อดีข้อเสียหรือผลกระทบหลังเข้ารับการรักษา
– สรุปข้อดี คือ หลังจากทำ E MATRIX 2 ครั้ง (เหลืออีก 1 ครั้งจากคอร์สทั้งหมด 3 ครั้ง) ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นจนคนใกล้ตัวและคนรอบตัวชมค่ะและเราพบว่าแต่งหน้าทาแป้งติดขึ้นและมีความมั่นใจมากขึ้นค่ะ
– สรุปข้อเสีย คือ การทำ E MATRIX เจ็บแต่น้อยกว่าการ subcisionหรือการใช้เข็มที่มีใบมีดขนาดเล็กเซาะลงไปใต้ผิวหนังบริเวณที่เป็นหลุมสิวซึ่งจำเป็นต้องทำควบคู่กันเพื่อตัดพังผืดใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเกิดการยกตัวและมีการสร้างเนื้อผิวขึ้นมาใหม่ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น (การทำ subcision ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของคุณหมอค่ะ) หลังทำจะมีรอยแดง สะเก็ดบางและค่อยๆ หลุดลอกไปเองภายใน 3 – 5 วัน ส่วน subcision จะเป็นรอยช้ำและค่อยๆ จางหายไปภายใน 7-14 วันค่ะ ช่วงสัปดาห์แรกต้องหลบแดดดีๆ หรือควรงดออกแดดแรงๆ เลยค่ะ ซึ่งประเทศไทยนั้นแดดแรงมากเราต้องทามอยเจอร์ไรเซอร์ ทาครีมกันแดดทุกวัน ดูแลรักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างอ่อนโยนมากที่สุดเช่น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนสำหรับผิวหน้าสัมผัสผิวหน้าและล้างหน้าเบามือ เพื่อป้องกันการเกิดสิวใหม่และรอยหลุมสิวใหม่ค่ะ
- การเดินทางสะดวกมากค่ะอยู่ติดสถานีBTS สนามเป้าค่ะ (ภาพที่ เราถ่ายมาติดบันไดสถานี BTS สนามเป้าเลยค่ะ) ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใกล้บ้าน เราขับรถไปก็สะดวกค่ะมีที่จอดรถบริเวณรอบๆ ของคลินิกค่ะ
ค่าใช้จ่ายและขั้นตอนในการรักษา : หลังจากพบคุณหมอและตรวจสภาพผิวหน้า คุณหมอจะแนะนำการรักษาที่เหมาะกับเราค่ะสำหรับเรารักษาหลุมสิวด้วย E MATRIXโปรโมชั่น 100 shot คอร์ส 3ครั้ง 25,500 บาทค่ะ ตอนแรกที่หาข้อมูลเทียบกับที่อื่น เราก็รู้สึกว่าแพงแต่พอพิจารณาการว่าราคานี้รวมทุกอย่างในการรักษาแล้วเราตัดสินใจเลือกรักษาที่ Pro Derma ค่ะ เพราะเป็นคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางด้านผิวหนังมีใบอนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาลถูกต้อง คุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญเป็นผู้ทำ E MATRIX และหัตถการให้เองไม่เหมือนคลินิกอื่นๆ ที่ให้เจ้าหน้าที่คลินิกที่ไม่ใช่หมอทำการรักษา
นอกจากนี้เครื่อง E MATRIX ของ Pro Dermaเป็นเครื่องแท้ใช้หัว Tip ที่สัมผัสกับผิวหน้าเป็นทองคำแท้ค่ะ เครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์สะอาดมากค่ะพี่ๆ เจ้าหน้าที่จะให้นอนห่มผ้า เก็บผมเพื่อทำความสะอาดผิวหน้าให้หรือเราจะล้างทำความสะอาดหน้าเองก็ได้ค่ะทางคลินิก มีผลิตภัณฑ์เตรียมไว้ให้ด้วยค่ะ
หลังจากนั้นพี่เจ้าหน้าที่จะทายาชาเป็นเนื้อครีมขาวๆ และคลุมพลาสติกบางๆ ไว้ให้ค่ะ (ระหว่างรอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 30 นาที นั่งรอแบบสวยๆทางคลินิกมีกาแฟ น้ำดื่มและลูกอมไว้ให้ด้วยค่ะ)
เมื่อครบ 30 นาทีแล้ว พี่เจ้าหน้าที่ ก็เช็ดยาชาออกและล้างทำความสะอาด หน้าให้อีกครั้ง มีพัดลมเป่า หน้าให้แห้งสนิทก่อนค่ะ (เพราะ E MATRIX จะไม่จับความชื้นค่ะ)
หลังจากเตรียมตัวขึ้นเขียงเรียบร้อยแล้ว นอนห่มผ้าเตรียมใจเลยค่ะ คุณหมอเข้ามาแล้วเริ่ม shot แรกคุณหมอจะสอบถามว่าเราโอเคมั้ย ซึ่งเราไม่เจ็บค่ะ ทนได้กับความเจ็บจี๊ดๆ ของ E MATRIX และเจ็บลึกของ subcision ระหว่างทำคุณหมอและพี่เจ้าหน้าที่จะสอบถามและสังเกตว่าเราโอเคมั้ย เรานี่นอนตรงแบบเคารพธงชาติเลยค่ะ เกร็งไปกลัวไป อดทนและผ่านไปได้ด้วยดี เจ็บแต่จบค่ะ ฮ่าๆ หลังทำมีมาร์คหน้าลดรอยแดงให้ค่ะ ตอนทำ E MATRIX ครั้งแรกทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวและร้อนหน้าผ่าวๆ ค่ะ แต่ก่อนกลับบ้านก็ยังแวะไปทานข้าวได้ ครั้งที่ 2 ความตื่นเต้นและกลัวมีบ้างค่ะ แต่ใจสู้มากขึ้น หลังทำมีอาการเจ็บตึงๆ จาก subcision ค่ะ ครั้งที่ 3 กำลังจะไปทำช่วงปลายเดือนนี้ค่ะ (หลังทำแต่ละครั้งควรห่างประมาณ 4-6 สัปดาห์เพื่อการสร้างคอลลาเจนใหม่ค่ะ) ยังไงเราจะมาอัพเดทนะคะ
คุณหมอและพี่ๆ เจ้าหน้าที่ในคลินิกทุกคนน่ารักใจดีค่ะ ให้คำแนะนำและการบริการด้วยใจ แนะนำการดูแลตัวเองหลังรักษา เตรียมมอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมลดรอยแดงและหน้ากากอนามัยให้เราใส่กลับบ้านด้วยค่ะเรามั่นใจว่าเราตัดสินใจถูกต้องค่ะที่มาที่ Pro Derma ขอบคุณคุณหมอ พี่ๆ เจ้าหน้าที่ทุกคนนะคะ และเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ